การบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนาจะเป็นไปตามลำดับขั้นดังต่อไปนี้
1.พระโสดาบัน ละกิเลสได้ 3 ขั้นคือ
1.1 สักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่าเป็นตัวของตน/ความยึดติดในอัตตา)
1.2 วิจิกิจฉา (ความสงสัย,ความลังเลไม่แน่ใจ)
1.3 สีลัพพตปรามาส (ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตาม
ๆ กันไป อย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์ หลุดพ้น ได้ด้วยเพียงศีลวัตร)
2.พระสกิทาคามี ละกิเลส 3 ข้อข้างต้นนั้นได้แล้ว มี ราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง
3.พระอนาคามี ละกิเลสเบื้องต่ำได้ทั้งหมด คือ
3.1 สักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่าเป็นตัวของตน/ความยึดติดในอัตตา)
3.2 วิจิกิจฉา (ความสงสัย,ความลังเลไม่แน่ใจ)
3.3 สีลัพพตปรามาส (ความถือมั่นศีลพรต
โดยสักว่าทำตาม ๆ กันไป อย่างงมงาย เห็นว่าจะ บริสุทธิ์ หลุดพ้น
ได้ด้วยเพียงศีลวัตร)
3.4 กามราคะ (ความติดใจในกามคุณ)
3.5 ปฏิฆะ (ความกระทบกระทั่งในใจ)
4.พระอรหันต์ ละกิเลสเป็นเหตุรัดรึงใจได้ทั้งหมด 10 ชนิดดังนี้
4.1 สักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่าเป็นตัวของตน/ความยึดติดในอัตตา)
4.2 วิจิกิจฉา (ความสงสัย,ความลังเลไม่แน่ใจ)
4.3 สีลัพพตปรามาส (ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตาม
ๆ กันไป อย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุด พ้น ได้ด้วยเพียงศีลวัตร)
4.4 กามราคะ (ความติดใจในกามคุณ)
4.5 ปฏิฆะ (ความกระทบกระทั่งในใจ)
4.6 รูปราคะ (ความติดใจในอารมณ์แห่งรูปฌานหรือในรูปธรรมอันประณีต)
4.7 อรูปราคะ (ความติดใจในอารมณ์แห่งอรูปฌาน
หรือในอรูปธรรม)
4.8 มานะ (ความสำคัญตน คือ ถือว่า
ตนเป็นนั่นเป็นนี่)
4.9 อุจธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน)
4.10 อวิชชา (ความไม่รู้จริง,ความลุ่มหลง)
ขอบคุณข้อมูลจากนิตยสาร nim magazine
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น