วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

พระนันทะ

         เป็นโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ และพระนางมหาปชาบดีโคตมี เป็นพระอนุชาต่างพระมารดากับเจ้าชายสิทธัตถะ ถูกพระพุทธองค์จับบวชหลังงานอภิเษกสมรสเพียงไม่กี่ชั่วโมง จึงไม่มีจิตใจจะปฏิบัติธรรม จนพระพุทธเจ้าทรงใช้กุศโลบายพาไปดูนางอัปสรสวรรค์ที่สวยงามกว่าชายาของท่าน และทรงรับปากว่า จะให้ปฏิบัติเพื่อให้ได้นางอัปสรสวรรค์เหล่านั้น พระนันทะก็ปฏิบัติตามที่ทรงแนะนำ โดยหารู้ไม่ว่าพระพุทธองค์ทรงให้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ปฏิบัติไปได้ระยะหนึ่ง ท่านก็มีจิตเบื่อหน่าย คลายความกำหนัดในโลกียวิสัย ได้บรรลุพระอรหัตในที่สุด
     ท่านเป็นถึงพระอนุชาของพระพุทธองค์ แต่ไม่เคยถือตนว่ามีความสำคัญ หากถือตนว่าเป็นพระสาวกของพระพุทธองค์รูปหนึ่งเท่านั้น  สำรวมอินทรีย์หก (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) อย่างเคร่งครัด จนได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าเป็นผู้เลิศกว่าผู้อื่นในทางสำรวมอินทรีย์ เป็นตัวอย่างที่ดีของพุทธบริษัททั้งหลายตราบสิ้นชีวิต

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือคาถาชินบัญชร
โดย ศ.พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต
ผู้ที่อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมควรค้นหาในวิกิพีเดียสารานุกรมเสรีหรือในอินเตอร์เน็ต


วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

พระอุบาลี

     เป็นนายภูษามาลาประจำราชวงศ์ศากยะ ออกบวชพร้อมกับเจ้าศากยะอันมีภคุเป็นต้น โดยเจ้าชายทั้ง 6 พระองค์ อนุญาติให้บวชก่อน นัยว่าเพื่อขจัดขัตติยมานะของตน ๆ บวชแล้วรับกรรมฐานจากพระพุทธองค์ไปปฏิบัติไม่นานก็บรรลุพระอรหัต
     พระอุบาลีสนใจพระวินัยเป็นพิเศษ ท่านได้ศึกษาจากพระพุทธองค์จนมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ จนได้รับการยกย่องในเอตทัคคะ ว่าเลิศกว่าผู้อื่นในทางทรงจำพระวินัย ท่านได้วินิจฉัยอธิกรณ์สำคัญ ๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยความถูกต้องยุติธรรม อธิกรณ์ที่โด่งดังคือเรื่องนางภิกษุณีในความดูแลของพระเทวทัตตั้งครรภ์ ถูกพระเทวทัตสั่งให้ลาสิกขา แต่นางยืนยันในควมบริสุทธิ์ อุทธรณ์ต่อพระพุทธเจ้า พระองค์รับสั่งให้ท่านพระอุบาลีตัดสิน ท่านได้ตัดสินอธิกรณ์นี้อย่างยุติธรรม เป็นที่ชื่นชมของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
     เมื่อพระมหากัสสปะทำการสังคายนาพระธรรมวินัย หลังพุทธปรินิพพานสามเดือน พระอุบาลีได้เป็นผู้วิสัชนาพระวินัย ช่วยให้การสังคายนาสำเร็จลุล่วงไปอย่างดี

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือคาถาชินบัญชร
โดย ศ.พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต
ผู้ที่อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมควรค้นหาในวิกิพีเดียสารานุกรมเสรีหรือในอินเตอร์เน็ต

     

วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560

พระองคุลิมาล

        เป็นบุตรอัคคปุโรหิต แห่งราชสำนักเมืองสาวัตถี มารดานามมันตานี ขณะเกิด พระคลังแสงเกิดความรุ่งโรจน์ลุกโพลงดังหนึ่งไฟไหม้ บิดาขณะนั้นอยู่ในราชสำนัก แหงนดูท้องฟ้าแล้วทำนายว่า เด็กที่เกิดในเวลานี้จะเป็นมหาโจรลือชื่อ เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสถามว่า โจรธรรมดาหรือโจรแย่งราชบัลลังก์  ก็กราบทูลว่าเป็นเพียงโจรธรรมดา
     ปุโรหิตหารู้ไม่ว่า เด็กที่กล่าวถึงนี้คือบุตรชายของตนเอง เมื่อกลับจากพระราชสำนัก ก็ทราบว่าบุตรตนเกิดตามฤกษ์ดังกล่าว ด้วยความกลัวว่าคำทำนายจะเป็นจริง ปุโรหิตจึงตั้งชื่อแก้เคล็ดว่า อหิงสกะ (ผู้ไม่เบียดเบียน)
     อหิงสกะ ถูกส่งไปศึกษาที่ตักสิลา กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ก็เป็นผู้ขยันหมั่นศึกษา เป็นที่รักของอาจารย์อย่างยิ่ง จนศิษย์อื่น ๆ อิจฉา ยุยงอาจารย์ให้เกลียดชัง  อาจารย์จึงกำจัดเขา โดยแสร้งว่าจะประสาทวิทยาการชั้นสูงอันเรียกว่า วิษณุมนตร์ให้ แต่ให้ไปฆ่าคนเอานิ้วมือมาให้ครบ 1000 นิ้ว ด้วยความอยากได้มนตร์ เขาจึงยอมทำตาม
     ไม่ช้าไม่นานเขาก็กลายเป็นโจร มีชื่อว่า องคุลิมาล (โจรผู้มีนิ้วมือเป็นพวงมาลัย) เป็นที่หวาดกลัวของประชาชนทั้งประเทศ จนกระทั่งพระเจ้าปเสนทิโกศล เตรียมกองทัพย่อย ๆ ไปปราบมารดาของท่านทราบข่าว กลัวลูกจะมีอันตราย จึงแอบออกจากเมืองเพื่อไปบอกข่าว พระพุทธเจ้าทรงทราบว่า องคุลิมาลสติฟั่นเฟือนเสียแล้ว ย่อมฆ่าได้แม้มารดาบังเกิดเกล้า จึงเสด็จไปดักหน้า ประทานโอวาทให้เขาได้สติ ยอมกลับใจ ขอบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์
     หลังจากบวชแล้ว พระองคุลิมาลยังเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนที่จำหน้าตาท่านได้อยู่ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เวลาท่านออกบิณฑบาต ก็ไม่มีคนใส่บาตร พากันวิ่งหนีด้วยความกลัว ที่ใจกล้าหน่อยก็เอาก้อนอิฐ ก้อนดินขว้างปาท่าน จนบางครั้งได้รับบาดเจ็บ ก็มีพระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นเศษกรรมของท่านขอให้อดทน
     วันหนึ่งท่านได้พบสตรีมีครรภ์แก่คนหนึ่ง ต้องทนทุกขเวทนาเพราะอุ้มท้องหนัก ท่านจึงตั้งสัตยาธิษฐาน ให้สตรีมีครรภ์แก่และบุตรมีสุขภาพสมบูรณ์ปราศจากโรค สิ้นคำกล่าวของท่าน สตรีนั้นได้คลอดบุตรอย่างง่ายดาย
     ปัจจุบันนี้ ชาวพุทธเชื่อกันว่า อังคุลิมาลปริต (คำสัตยาธิษฐาน) ของพระองคุลิมาล มีความขลัง สามารถ ทำให้สตรีมีครรภ์คลอดบุตรง่าย
    
ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือคาถาชินบัญชร
โดย ศ.พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต
ผู้ที่อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมควรค้นหาในวิกิพีเดียสารานุกรมเสรีหรือในอินเตอร์เน็ต


วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560

พระปุณณ(ปุณณมันตานีบุตร)

     เป็นบุตรน้องสาวพระอัญญาโกณฑัญญะ มารดาท่านนามว่า มันตานี ท่านเป็นผู้ฉลาดเฉียบแหลมเรียนจบไตรเพทตั้งแต่ยังหนุ่ม หลวงลุงเห็นว่าหลานชายคนนี้ ถ้าเข้ามาบวช จะเป็นกำลังสำคัญในการประกาศพระพุทธศาสนา จึงชักชวนให้บวช บวชแล้วไม่นานก็บรรลุพระอรหัต ท่านมีวาทะศิลป์ในการอธิบายธรรมได้วิจิตรพิสดาร จนเลื่องลือทั่วไป เรื่องที่ท่านมักนำมากล่าวสอนเสมอคือ กถาวัตถุ 10 ประการ(ว่าด้วยความมักน้อย, ความสันโดษในปัจจัยสี่, ความไม่คลุกคลีด้วยหมู่, ความเพียร, ความสมบูรณ์ด้วยศีล, สมาธิ, ปัญญา, วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะ)

     ท่านได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศกว่าผู้อื่นในทางเป็นธรรมกถึก พระสารีบุตรเคยได้ยินกิตติศัพท์ของท่าน มีความปราถนาอยากสนทนาธรรมด้วย แต่ก็ไม่มีโอกาส อยู่มาวันหนึ่งทั้งสองท่านได้พบกันที่ป่าอันธวัน ใกล้เมืองสาวัตถีได้สนธนาธรรมเรื่อง การบรรลุอนุปาทาปรินิพพานด้วยวิสุทธิ์ทั้ง 7 ส่งทอดกันไปเป็นช่วง ๆ ดุจการเดินทางลุถึงเป้าหมายด้วยรถ 7 ผลัด (รายละเอียดบันทึกอยู่ในรถวินีตสูตร) ได้รับคำชมเชยจากท่านพระสารีบุตรอัครสาวกเป็นอย่างมาก

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือคาถาชินบัญชร
โดย ศ.พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต

ผู้ที่อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมควรค้นหาในวิกิพีเดียสารานุกรมเสรีหรือในอินเตอร์เน็ต

วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560

พระกุมารกัสสปะ

     ประวัติท่านค่อนข้างพิสดาร ท่านเป็นบุตรนางภิกษุณีรูปหนึ่ง แห่งเมืองสาวัตถี มารดาของท่านตั้งครรภ์ก่อนบวชโดยไม่รู้ตัว พระเทวทัตผู้ดูแลภิกษุณีรูปนี้ เข้าใจว่าเธอต้องปาราชิก จึงสั่งให้สึก นางเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตน จึงอุทธรณ์ต่อพระพุทธเจ้า พระองค์รับสั่งให้พระอุบาลีเถระชำระอธิกรณ์ ความจริงปรากฏว่านางมีศีลบริสุทธิ์จึงไม่ต้องสึก
     เมื่อคลอดแล้วนางก็เลี้ยงดูบุตรน้อยอยู่ในวัดด้วยความลำบาก พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงทราบเรื่อง จึงทรงขอบุตรเธอไปชุบเลี้ยงเป็นพระโอรสบุญธรรมในราชสำนัก พระราชทานนามว่า กุมารกัสสปะ
     เด็กน้อยกุมารกัสสปะทราบความเป็นมาของตน จึงมีความสลดใจ ทูลขอพระบรมราชานุญาตออกบวชภายหลังได้สำเร็จเป็นพระอรหัต
     มารดาของท่าน ตั้งแต่จากกันไป ไม่มีฉันทะ ปฏิบัติธรรม ครุ่นคิดถึงแต่ลูก วันหนึ่งพบสามเณรผู้บุตรชายขณะออกบิณฑบาต วิ่งเข้าไปหา ร้องเรียก “ลูก ๆ” สามเณรไม่ต้องการเห็นมารดาจมอยู่กับความรักบุตร จนไม่สามารถบรรลุธรรม จึงกล่าวเตือนว่า “เพียงความรักบุตรยังตัดไม่ขาด จะหวังมรรคผลนิพพานอะไรได้” ทำให้มารดาตัดใจได้ ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติจนบรรลุพระอรหัต
     พระกุมารกัสสปะ ได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าเป็นผู้กล่าวคำอันวิจิตร คือเป็นนักพูดที่มีวาทศิลป์เป็นเลิศ หลังพุทธปรินิพพานไม่นาน ท่านได้ใช้วาทะอันคมคายของท่านหักล้างความเห็นผิดของเจ้าเมืองเสตัพยะนามว่า ปายาสิราชนย์ จนท้าวเธอยอมจำนนด้วยเหตุผล สละทิฐิผิด ๆ หันมานับถือ พระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต นับว่าท่านเป็นกำลังสำคัญยิ่งในการเผยแผ่พระพระพุทธศาสนา

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือคาถาชินบัญชร
โดย ศ.พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต
ผู้ที่อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมควรค้นหาในวิกิพีเดียสารานุกรมเสรีหรือในอินเตอร์เน็ต


โอปปาติกะ

เทวดา      เทวดา ได้แก่ โอปปาติกะ ที่อยู่ในภพที่มีความสุขมากกว่าความทุกข์ หรือที่เรียกว่า สุคติ หรือพูดภาษาชาวบ้านคือ ฝ่ายบุญ ซึ่งน่าจะ...