ประวัติท่านค่อนข้างพิสดาร ท่านเป็นบุตรนางภิกษุณีรูปหนึ่ง
แห่งเมืองสาวัตถี มารดาของท่านตั้งครรภ์ก่อนบวชโดยไม่รู้ตัว พระเทวทัตผู้ดูแลภิกษุณีรูปนี้
เข้าใจว่าเธอต้องปาราชิก จึงสั่งให้สึก นางเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตน
จึงอุทธรณ์ต่อพระพุทธเจ้า พระองค์รับสั่งให้พระอุบาลีเถระชำระอธิกรณ์
ความจริงปรากฏว่านางมีศีลบริสุทธิ์จึงไม่ต้องสึก
เมื่อคลอดแล้วนางก็เลี้ยงดูบุตรน้อยอยู่ในวัดด้วยความลำบาก
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงทราบเรื่อง
จึงทรงขอบุตรเธอไปชุบเลี้ยงเป็นพระโอรสบุญธรรมในราชสำนัก พระราชทานนามว่า
กุมารกัสสปะ
เด็กน้อยกุมารกัสสปะทราบความเป็นมาของตน จึงมีความสลดใจ
ทูลขอพระบรมราชานุญาตออกบวชภายหลังได้สำเร็จเป็นพระอรหัต
มารดาของท่าน ตั้งแต่จากกันไป ไม่มีฉันทะ ปฏิบัติธรรม ครุ่นคิดถึงแต่ลูก
วันหนึ่งพบสามเณรผู้บุตรชายขณะออกบิณฑบาต วิ่งเข้าไปหา ร้องเรียก “ลูก ๆ”
สามเณรไม่ต้องการเห็นมารดาจมอยู่กับความรักบุตร จนไม่สามารถบรรลุธรรม จึงกล่าวเตือนว่า
“เพียงความรักบุตรยังตัดไม่ขาด จะหวังมรรคผลนิพพานอะไรได้” ทำให้มารดาตัดใจได้
ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติจนบรรลุพระอรหัต
พระกุมารกัสสปะ
ได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าเป็นผู้กล่าวคำอันวิจิตร
คือเป็นนักพูดที่มีวาทศิลป์เป็นเลิศ หลังพุทธปรินิพพานไม่นาน
ท่านได้ใช้วาทะอันคมคายของท่านหักล้างความเห็นผิดของเจ้าเมืองเสตัพยะนามว่า
ปายาสิราชนย์ จนท้าวเธอยอมจำนนด้วยเหตุผล สละทิฐิผิด ๆ หันมานับถือ
พระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต
นับว่าท่านเป็นกำลังสำคัญยิ่งในการเผยแผ่พระพระพุทธศาสนา
ขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือคาถาชินบัญชร
โดย ศ.พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ราชบัณฑิต
ผู้ที่อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมควรค้นหาในวิกิพีเดียสารานุกรมเสรีหรือในอินเตอร์เน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น