วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พระอานนท์

     พุทธอนุชา เป็นโอรสเจ้าอมิโตทนะ (อนุรุทธะและมหานามะ ก็ว่าเป็นโอรสของอมิโตทนะเหมือนกัน เข้าใจว่าจากชายาคนละองค์ บางคัมภีร์ว่าพระอานนท์เป็นโอรสเจ้าสุกโกทนะ พระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนะ) พร้อมกับเจ้าชายศากยะและโกลิยะ 5 องค์ มีภคุเป็นต้น หลังจากบวชแล้วได้ฟังโอวาท ของพระปุณณมันตานีบุตร ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน หลังจากนั้นได้มารับหน้าที่ พุทธอุปัฏฐาก ถวายปรนนิบัติพระพุทธเจ้า อยู่ตลอดพระชนม์ชีพของพระพุทธองค์ ไม่ค่อยมีเวลาปฏิบัติธรรม เป็นพระโสดาบันอยู่นานจนได้บรรลุพระอรหัต หลังพุทธปรินิพพาน ทันเข้าร่วมประชุมสังคายนาครั้งที่ 1 อันมีพระมหากัสสปะเป็นประธานพอดี
     ท่านได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าเป็นผู้เลิศกว่าผู้อื่นใน 5 สถานด้วยกัน คือ
     1.เป็นผู้มีสติ
     2.เป็นผู้มีคติ (แนวสำหรับจำพุทธวจนะ)
     3.เป็นพหูสูต
     4.เป็นผู้มีธิติ (ความเพียร) และ  
     5.เป็นพุทธอุปัฏฐากผู้เลิศ
     ความที่ท่านเป็นผู้ทรงจำพุทธวจนะมากกว่าใคร ท่านจึงได้รับเลือกจากพระมหากัสสปะ ให้เข้าร่วมทำสังคายนาพระธรรมวินัย โดยทำหน้าที่วิสัชนาพระธรรมเป็นกำลังสำคัญช่วยให้การสังคายนาพระธรรมวินัยสำเร็จลงด้วยดี

     นัยว่าพระอานนท์นิพพาน เมื่ออายุ 120 ปี โดยเข้าเตโชสมาบัติเหาะขึ้นบนอากาศ อธิษฐานให้สรีระของท่านแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งตกลงที่ฝั่ง ณ ฝั่งเมืองกบิลพัสดุ์ อีกส่วนหนึ่งตกลง ณ ฝั่งเมืองเทวทหะ เพื่อป้องกันพระญาติทั้งสองเมืองแก่งแย่งพระธาตุของท่าน

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือคาถาชินบัญชร
โดย ศ.พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต
ผู้ที่อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมควรค้นหาในวิกิพีเดียสารานุกรมเสรีหรือในอินเตอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โอปปาติกะ

เทวดา      เทวดา ได้แก่ โอปปาติกะ ที่อยู่ในภพที่มีความสุขมากกว่าความทุกข์ หรือที่เรียกว่า สุคติ หรือพูดภาษาชาวบ้านคือ ฝ่ายบุญ ซึ่งน่าจะ...